พระมังกรพันรอบ ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก ปี ๒๕๕๘ (พร้อมซอง) No.2

พระมังกรพันรอบ ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก ปี ๒๕๕๘ (พร้อมซอง)
วัดอรุณราชวราราม เป็นผู้จัดสร้างในช่วงปีใหม่ ๒๕๕๘ โดยอาจารย์ชินพร ประธานมูลนิธิหลวงปู่ทิม ได้มอบผงพรายกุมารหลวงปู่ให้กับรองเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ เพื่อนำมาจัดสร้างและมอบให้กับศาสนิกชนที่มาทำบุญในช่วงปีใหม่

อาจารย์ชินพร บอกว่า “มังกรพันรอบ” หมายถึงจะช่วยล้อมรอบทรัพย์สิน เงินทองให้อยู่กับเรา และผงพรายมีพุทธคุณ เมตตามหานิยมสูงมากด้วย

พระขุนแผนผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม v
พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม เป็นพระเครื่องที่แทบจะไม่มีเซียนพระคนไหนที่ไม่รู้จักเลย บางคนอาจจะมีเก็บอยู่ในสต็อกมากกว่า 1 องค์ด้วย เพราะความขลังของพระ รวมทั้งประสบการณ์ต่างๆ ที่ผู้บูชาได้พบเจอมากับตัว ก็ยิ่งทำให้พระราคานี้สูงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มหายากแล้วในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็มีลูกศิษย์บางท่านที่สงสัยว่าหลวงปู่ทิมไปเอาพรายหรือกุมารมาทำพระ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ซึ่งหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญก็ได้เป็นผู้เมตตาตอบคำถาม ดังที่ได้บันทึกไว้ในบทความนี้
พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม คืออะไร
ต้องแยกกันก่อนว่า ผงพรายกุมารนี้ มีส่วนผสม 2 ส่วน ได้แก่ผงพราย ที่ได้จากเส้นผม เล็บ กระดูกของผู้เสียชีวิตแบบตายโหง และอีกส่วนคือผงกุมาร ที่จะเอามาจากกระดูกของเด็กที่ตายทั้งกลม มีระบุไว้ว่าผงกุมารของหลวงปู่ทิมนี้ จะต้องเลือกเด็กที่ตายในวันเสาร์ เผาวันอังคาร ที่เชื่อกันว่าเป็นวันแรงทั้งคู่ จะทำให้ผีดุหรือแรงกว่าผีปกติทั่วไป
อ่านเพิ่มเติม : ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร คืออะไร
ในด้านของพุทธคุณ ลูกศิษย์หรือผู้ที่ห้อยพระนี้ ต่างบอกว่าชะตาชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม บางคนก็ทำการค้ารุ่งเรือง บางคนก็มีคนเข้าหามากมาย สร้างคอนเนคชั่นได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงแต่เป็นพระแรงที่ต้องบูชาดีๆ รักษาศีลอยู่ในธรรมเสมอ เพื่อให้การขอพรประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : วิธีเลี้ยงผงพรายกุมาร พระขุนแผนหลวงปู่ทิม
เมื่อหลวงปู่ดู วัดสะแก ตอบคำถามเกี่ยวกับพระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม
มีครั้งหนึ่งที่คุณชินพร สุขสถิตย์ ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิม ได้เดินทางไปกราบนมัสการหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญที่วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา และได้สอบถามเกี่ยวกับเรื่องพระผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ใจความว่า “หลวงปู่ทิมเอาผงพรายกุมารต่างๆ มาทำวัตถุมงคล ไม่บาปหรือครับ เพราะเป็นการไปเอากระดูกผีมาทำ”
หลวงปู่ดู่ ได้เมตตาตอบข้อสงสัยนี้ให้กับคุณชินพรว่า
“ไม่บาป จะบาปอย่างไร ก็ท่านไม่ได้เอาตัวมากักมาขัง มาบังคับเขานี่
ท่านเพียงอาศัยเอาธาตุสี่ที่ตั้งนี้ มาทำมาปรุงเอาเพียงเท่านั้น”
หากขยายความให้เข้าใจกันง่ายเสียหน่อย ก็คือหลวงปู่ทิมไม่ได้ไปบังคับจิตวิญญาณของพราย หรือกุมารเลย เพียงแต่อาศัยธาตุของพรายและกุมารมาเท่านั้น สิ่งนี้ถือเป็นหลักการของวิชาอาคมชั้นสูง ในเรื่องของธาตุทั้งสี่ ก็เปรียบได้กับร่างกายมนุษย์ เมื่อหลวงปู่ขอผงกระดูกมา ก็เหมือนเอาร่างกายที่แตกดับ และแยกจากจิตไปแล้ว มารองรับกระแสจิตของท่านใหม่นั่นเอง
สิ่งนี้ถือว่าเป็นเมตตาธรรมอย่างหาที่สุดไม่ได้ของหลวงปู่ทิมเลย เพราะการสร้างวัตถุมงคล หรือพระเครื่อง ก็ถือเป็นการสร้างรูปเคารพต่อพระพุทธเจ้าเพียงอย่างเดียว แต่การนำผงพรายกุมารมาเป็นส่วนผสมด้วย ก็คือการเอื้อเฟื้อให้ดวงวิญญาณที่อยู่ในทุกขเวทนา ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้เกิด หรือต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ได้มีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศลก่อนมาเกิดอีกครั้ง ด้วยการให้สถิตย์อยู่ในวัตถุมงคลที่แทนรูปเคารพพระพุทธเจ้าเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้รักษาองค์พระนั้นๆ และสร้างกุศลเพิ่มด้วยการช่วยเหลือมนุษย์ที่ได้กราบไหว้บูชาและขอพรต่อองค์พระนั้นๆ เช่น ส่วนมนุษย์ที่ได้รับอานิสงส์จากพุทธคุณของวัตถุมงคลหรือพระเครื่อง ให้ถือว่าเป็นของแถมนอกเหนือจากการได้เคารพพระพุทธเจ้าก็พอ
พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม เป็นพระที่มีวิญญาณสิงสู่หรือไม่
ถ้าให้ตอบแค่ว่าพระขุนแผนหลวงปู่ทิม เป็นพระที่มีวิญญาณสิงสู่อยู่ใช่มั้ย คำตอบก็คือใช่ แต่ถ้าถามว่าเป็นวิญญาณดีหรือร้าย ก็ขอตอบเลยว่าดี เพราะหลวงปู่ได้ปรุงจิตพร้อมกับทำพิธีเพื่อให้เหล่าพราย และเหล่ากุมารได้ชำระล้างทุกขเวทนาให้หมดไปจากตัว จนสามารถมาสิงสถิตย์อยู่ที่พระเครื่องได้ และยิ่งถ้าได้สะสมบุญบารมีมากพอจากการสงเคราะห์มนุษย์ แล้วมนุษย์ทำบุญให้ ก็มีโอกาสที่จะได้ปรับภพภูมิที่เคยอยู่ จนสามารถกลับไปจุติได้อีกครั้งในอนาคตข้างหน้า
นอกจากนี้ อีกกุศโลบายหนึ่งที่หลวงปู่ทิมได้ฝากไว้ในพระพรายกุมารทุกรุ่น คือ “มรณานุสติ” หรือการคิดถึงความตายทุกครั้ง เพราะวิญญาณเหล่านี้ไม่มีโอกาสได้ทำบุญใดๆ ให้ตัวเองอีกแล้ว จะเกิดก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อจนหมดอายุขัยก็ไม่ได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้คือความไม่เที่ยงของสังขารมนุษย์อย่างแท้จริง และวันหนึ่งเราก็ต้องสลายกลายเป็นวิญญาณเยี่ยงนี้เช่นกัน
คาถาบูชา พระขุนแผนผงพราย
คำบูชาพระเครื่อง หรือวัตถุมงคลที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม มักจะใช้คาถานี้
“อิติ สุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ
มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ”
คาถานี้ไม่ได้มีความพิเศษในเรื่องของการปลุกอาคม หรือปลุกพระเพียงอย่างเดียว หากตั้งใจอ่านดีๆ จะพบว่าเป็นการระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า ระลึกถึงไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่หมายถึงความไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ต้องแตกดับเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราควรเตือนใจตัวเองไว้อยู่เสมอ